ประวัติศูนย์สุขภาพชุมชน

ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองเขื่อนขันธ์ ตำบลอรัญญิก
อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เดิมใช้ชื่อว่าศูนย์สุขภาพชุมชนวัดเขื่อนขันธ์
เป็นศูนย์สุขภาพชุมชนสาขาของโรงพยาบาลพุทธชินราช
ขึ้นกับกลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว เปิดให้บริการครั้งแรก
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2546
โดยได้รับความอนุเคราะห์อาคารเอนกประสงค์ในบริเวณวัดเขื่อนขันธ์ใช้เป็นสถานที่เปิดทำการรักษาผู้ป่วย
และความร่วมมือระหว่าง โรงพยาบาลพุทธชินราช กับ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองพิษณุโลก ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากโรงพยาบาลพุทธชินราช คือโรงพยาบาลพุทธชินราช ปรับปรุงอาคารสถานที่, ส่งทีมแพทย์,พยาบาลวิชาชีพ มาปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่
ต่อมามีผู้รับบริการมากขึ้น
สถานที่ในวัดเขื่อนขันธ์คับแคบไม่เพียงพอกับผู้รับบริการ
เทศบาลเมืองอรัญญิกและคณะกรรมการพัฒนาศูนย์สุขภาพชุมชนได้จัดทำประชาคม
ประชาชนเห็นควรจัดซ้อที่ดินและสร้างอาคารแห่งใหม่เพื่อรองรับจำนวนผู้รับบริการที่เพิ่มขึ้น
เนื่องจากปี 2555 กระทรวงสาธารณสุข
มีนโยบายลดความแออัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาลศูนย์ฯ
โดยให้ขยายงานบริการลงสู่ชุมชนเขตเมือง
จึงจัดตั้งศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองขึ้นจำนวน 2 แห่ง โดยการทำ MOUร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลพุทธชินราช
กับ เทศบาลเมืองอรัญญิก เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 31 มกราคม
2557 ใช้ชื่อว่า
ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองอรัญญิก(เขื่อนขันธ์)
ปัจจุบันมีให้บริการด้านรักษาพยาบาล ,งานส่งเสริมสุขภาพ
และงานบริการแพทย์แผนไทย พร้อมทั้งงานบริการเชิงรุกในหมู่บ้าน โดยมีทีมสหวิชาชีพ แพทย์ ,ทันตแพทย์ , พยาบาลวิชาชีพ ,เจ้าพนักงานสาธารณสุข และเจ้าพนักงานทันตสาธารณสุขมาปฏิบัติงานให้บริการครบทุกด้าน
ตามมาตรฐานเกณฑ์ปฐมภูมิ ที่อาคารแห่งใหม่จนถึงปัจจุบัน

ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองเขื่อนขันธ์รับผิดชอบพื้นที่ 4 หมู่บ้านของตำบลอรัญญิกจากทั้งหมด10หมู่บ้านมีพื้นที่ส่วนใหญ่ติดกับเขตเทศบาลเมืองนครพิษณุโลกประชากรส่วนหนึ่งที่มาอาศัยอยู่ในพื้นที่คือนักศึกษาที่มาเช่าหอพักมีการย้ายเข้าออกอยู่ตลอดเวลา
อีกส่วนหนึ่งเป็นข้าราชการทหาร แพทย์ พยาบาล
ที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรจำนวนหลายหมู่บ้านซึ่งจะใช้บริการสุขภาพจากหน่วยงานต้นสังกัด
หรือบริการของโรงพยาบาลเอกชนเนื่องจากมีความสะดวกสบาย
มีรายได้ที่สามารถจ่ายได้ไม่เดือดร้อน ประกอบกับระยะเวลาการให้บริการของศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองเขื่อนขันธ์คือช่วงเวลาราชการ(
8.30 – 16.30 น) ประชากร 2 กลุ่มนี้จะเข้าถึงได้ยาก
การทำงานเชิงรุกเข้าไปหาที่บ้านก็ทำได้ค่อนข้างยาก
เมื่อเข้าไปในเวลาราชการจะพบว่าบ้านทุกบ้านส่วนใหญ่จะมีรั้ว ติดกุญแจบ้าน
มีสุนัขที่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน กับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้พิการอยู่ภายในบ้าน
ไม่พบกลุ่มเด็กวัยรุ่นหรือกลุ่มคนวัยทำงาน แม้แต่
อสม.ที่อยู่ในพื้นที่ก็เข้าบ้านได้เพียงบางหลังคาเรือนเท่านั้น....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น