บริโภคอาหารปลอดภัยทำไมต้องมี...ฉลากอาหาร
วิถีชีวิตคนไทยในสมัยก่อนมักจะปรุงอาหารด้วยตนเอง
การซื้อขายอาหารก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ผู้ขายก็มักจะผลิตอาหารแต่น้อย
ขายให้หมดเพียงพอต่อวัน การซื้อขายก็ทำกันโดยตรงระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ
โดยไม่ผ่านคนกลาง เมื่อมีการสั่งซื้อ ผู้ขายก็จะตักอาหารใส่ถุง
หรือทำการหีบห่อให้เดี๋ยวนั้น ในระหว่างนี้เอง
ผู้ซื้อก็สามารถพิจารณาลักษณะของผลิตภัณฑ์อาหารได้ชัดเจนขึ้นว่า สดใหม่
อยู่ในสภาพที่ดีหรือไม่ มีส่วนประกอบเป็นอย่างไรบ้าง
หากไม่แน่ใจก็จะสอบถามข้อมูลต่างๆ จากผู้ขายเพิ่มเติม เป็นต้นว่า
มีส่วนประกอบอะไรที่ตนยังไม่เห็นอีกบ้าง จะเก็บอาหารไว้ได้กี่วัน
ถ้ารับประทานไม่หมดจะเก็บอย่างไร แต่ในปัจจุบันกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไป
สังคมโลกใกล้ชิดกันมากขึ้น เข้าสู่ยุคโลกไร้พรมแดน
พฤติกรรมการบริโภคก็เปลี่ยนแปลงไป แปรเปลี่ยนเป็นการกินตามโฆษณา
นิยมตามความทันสมัย กินอาหารตามแบบตะวันตก และจากการบีบรัดตัวทางด้านเศรษฐกิจ
ทำให้ต้องการความสะดวกรวดเร็วไม่นิยมที่จะปรุงอาหารเองเหมือนแต่ก่อน
ประกอบกับเทคโนโลยีการผลิตอาหารต่างๆดีขึ้น จึงมีธุรกิจการผลิตอาหารแปรรูปต่างๆ
มากมาย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น
มีการยืดอายุผลิตภัณฑ์ด้วยวิธีการเก็บรักษาต่างๆ เช่น การใช้อุณหภูมิ
การใช้สารเคมี วิธีการบรรจุที่เหมาะสม รวมทั้งพัฒนาการของบรรจุภัณฑ์ในอาหารบางอย่างจากถุงพลาสติกใสไม่มีสี
เป็นหีบห่อที่ทึบ
เพื่อป้องกันการผ่านเข้าออกของอากาศหนทอแสงที่จะมีผลต่ออายุและคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์อาหาร
เพื่อสามารถกระจายสินค้าได้อย่างกว้างขวาง และวางจำหน่ายได้นานขึ้น
สภาพการเปลี่ยนแปลงต่างๆเหล่านี้ ผู้ซื้อหรือผู้บริโภคจึงมิอาจเห็นลักษณะสภาพของอาหารหรือได้รับข้อมูลจากผู้ซื้อหรือผู้ผลิตได้เหมือนเมื่อก่อน
ดังนั้น เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ว่าด้วยเรื่องฉลากอาหาร เพื่อให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า เพื่อจำหน่ายอาหารต้องแสดงต้องแสดงฉลากอาหารไว้ที่ภาชนะ
ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับอาหาร อันจะเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกซื้อหรือหลีกเลี่ยง
เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าสมประโยชน์ตรงความต้องการของผู้บริโภคนั่นเอง
ข้อมูลบนฉลากมีประโยชน์ต่อเราอย่างไร
ชื่ออาหาร แสดงถึงประเภท ชนิด ส่วนประกอบ รูปร่าง
ลักษณะที่ปรากฏเบื้องต้น ช่วยให้เราซื้ออาหารได้ตรงตามที่เราต้องการ
เครื่องหมาย
อย. ซึ่งภายในระบุสารบบอาหาร
แสดงว่าอาหารนั้นได้ผ่านการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนในการตรวจสอบความเหมาะสมของสถานที่ผลิต สถานที่นำเข้า
และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว
จะช่วยให้เราเลือกบริโภคได้อย่างมั่นใจแต่ยังคงมีอาหารบางกลุ่มที่ไม่ถูกบังคับให้แสดงเลขสารบบอาหาร
คือ พวกที่มีความปลอดภัยต่อการบริโภคสูงหรือยังไม่พร้อมบริโภค
ต้องนำไปประกอบเป็นอาหารต่อไป เช่น วุ้นเส้น ถั่วเขียว ฟองเต้าหู้ ข้าวสาร พริกป่น
เป็นต้น
วันเดือนปีที่ผลิต หรือ วันเดือนปีที่หมดอายุ หรือ วันเดือนปีที่ควรบริโภคก่อน เป็นข้อมูลสำคัญที่ต้องอ่าน
เพราะจะบอกว่าอาหารนั้นมีการผลิตมานานเท่าใด บอกอายุของอาหาร
ซึ่งยังคงปลอดภัยต่อการบริโภค ในการซื้ออาหารควรซื้อในปริมาณที่ไม่มากเกินไป
เพื่อที่จะรับประทานได้หมดก่อนที่อาหารจะหมดอายุ และควรหลีกเลี่ยง
การบริโภคอาหารที่หมดอายุหรือพ้นวันที่ควรบริโภค แม้ว่าอาหารจะมีลักษณะเหมือนปกติก็ตาม
ส่วนประกอบที่สำคัญ บอกให้รู้ว่ามีส่วนประกอบอะไรในปริมาณเท่าไร
เพื่อเลือกซื้ออาหารได้ตรงตามความต้องการและช่วยในการเปรียบเทียบสามารถเลือกยี่ห้อที่มีเนื้ออาหารมากกว่าได้นอกจากนี้
ถ้ามีการใช้วัตถุเจือปนอาหาร โดยเฉพาะการใช้วัตถุกันเสีย สีผสมอาหาร
หรือวัตถุแต่งรสอาการ เช่น ผงชูรส ก็จะมีข้อความแสดงบนฉลากด้วย
ข้อมูลส่วนนี้จึงช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการบริโภค
อาหารที่มีส่วนผสมไม่ตรงกับความต้องการ หรือส่วนประกอบที่ทำให้แพ้ได้ เช่น
แพ้อาหารทะเล แพ้นมวัว เป็นต้น
ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต หรือผู้แบ่งบรรจุ ช่วยให้ทราบว่าใครเป็นผู้ผลิต
และผลิตที่ใด กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับอาหารนั้น เราก็จะสามารถติดต่อสอบถาม
หรือขอชดเชยความเสียหายได้ หรือสามารถร้องเรียน อย. ได้
ปริมาณอาหาร บอกปริมาณอาหารส่วนที่ไม่รวมภาชนะบรรจุ ช่วยให้เราเปรียบเทียบอาหารชนิดเดียวกัน
คำเตือน อาหารบางอย่างอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
จะต้องระบุคำเตือน เช่น ผลิตภัณฑ์เกสรดอกไม้กับผู้ที่แพ้
หรือบางผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสำหรับเด็กและสตรีมีครรภ์
ทำให้เราเกิดความระมัดระวังในการบริโภคไม่ก่อให้เกิดอันตราย
วิธีปรุงหรือวิธีใช้ มีผลต่อความปลอดภัยเช่นกัน เช่น
อาหารบางชนิดต้องให้ความร้อนตามอุณหภูมิและเวลาที่กำหนดก่อน จึงจะบริโภคได้
หรือการเตรียมนมให้มารกต้องเตรียมปริมารที่แนะนำ
เพื่อให้มั่นใจว่าทารกได้สารอาหารครบถ้วนตามต้องการ
ฉลากโภชนาการ จะมีข้อมูลโภชนาการอยู่ภายในกรอบสี่เหลี่ยม
ซึ่งจะบอกให้เรารู้ว่า หากเราบริโภคอาหารนั้นตามที่ปริมาณที่ระบุไว้
จะได้พลังงานและสารอาหารอื่นๆ เท่าไร
ซึ่งจะช่วยให้เราเปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า
หรือเลือกบริโภคอาหารที่เหมาะสมกับสภาพของตนเอง เช่น
หากเรามีน้ำหนักก็สามารถหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณพลังงานมาก
หรือหากเราเป็นโรคความดันโลหิตสูงก็สามารถหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูงได้
แสดงว่า ถ้าเราบริโภคอาหารนี้
250 มิลลิลิตร จะได้พลังงานทั้งหมด 120 กิโลแคลอรี่ ซึ่งเป็นพลังงานจากไขมัน 20 กิโลแคลอรี่
แลกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารอย่างไรให้ปลอดภัย
ฉลากอาหาร เป็นสิงจำเป็นอันดับแรกที่ต้องพิจารณา
เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับอาหารอย่างครบถ้วน เป็นประโยชน์ต่อการบริโภคอย่างไรก็ดี
หากการขนส่ง การเก็บรักษาไม่เหมาะสม อาหารนั้นก็อาจเสียก่อนวันหมดอายุที่กำหนดบนฉลากนั้นได้
ดังนั้น นอกจากฉลากแล้ว สิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม คือ
สังเกตสภาพภาชนะบรรจุ ว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ ภาชนะบรรจุต้องสะอาด
ไม่มีการฉีกขาด รั่วซึม บวมหรือบุบบู้บี้
สังเกตสถานภาพการเก็บรักษา มีการเก็บรักษาแยกจากสารเคมีอันตราย เช่น
วัตถุอันตรายเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสมกับชนิดของอาหารนั้น เช่น
เก็บนมพาสเจอไรซ์ในตู้เย็น และบริเวณที่เก็บมีการเก็บรักษาความสะอาดหรือไม่
สังเกตสภาพของอาหาร มีการเปลี่ยนแปลงของสี กลิ่น รส หรือไม่ มีฟองหรือเมือก
หรือร่องรอยการเสียอันเนื่องมาจากจุลินทรีย์หรืไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น